เทรนด์สี ปี 2012-2013
พฤศจิกายน 17, 2011 ใส่ความเห็น
องค์กรวิจัยกำหนดเทรนด์สีกำหนดเทรนด์สีปี 2012-2013 คือ สีโทนมืด แต่มีเงาของความสว่างเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหวังที่ยังมีอยู่
Produced by VoiceTV
Business Explansion for you
พฤศจิกายน 17, 2011 ใส่ความเห็น
องค์กรวิจัยกำหนดเทรนด์สีกำหนดเทรนด์สีปี 2012-2013 คือ สีโทนมืด แต่มีเงาของความสว่างเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหวังที่ยังมีอยู่
Produced by VoiceTV
กันยายน 6, 2011 ใส่ความเห็น
กระทรวงการคลังของ จีนเปิดเผยว่า รัฐวิสาหกิจของจีนรายงานกำไรจากการดำเนินงานสำหรับช่วง 7 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
แถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวงฯ ระบุว่า รัฐวิสาหกิจจีนมีกำไรรวมกันทั้งสิ้น 1.34 ล้านล้านหยวน (2.0781 แสนล้านดอลลาร์) โดยจำนวน 9.0951 แสนล้านหยวนมาจากรัฐวิสาหกิจที่บริหารงานโดยรัฐบาลกลาง ในขณะที่รายได้ในช่วง 7 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 25.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 20.65 ล้านล้านหยวน
ในช่วงเวลาดังกล่าว รัฐวิสาหกิจจีนมียอดเสียภาษีรวมกันที่ 1.83 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 25.2% เป็น 19.47 ล้านล้านหยวน
ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เคมีวิศวกรรม โลหะนอกกลุ่มเหล็ก และ ถ่านหิน ต่างก็รายงานกำไรจากผลประกอบการสำหรับช่วง 7 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่วิสาหกิจในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักร และ เหล็กกล้า มีกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือน
— ยอดผลผลิตเหล็กดิบรายวันของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็ก 76 รายซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) ในระหว่างวันที่ 1-10 สิงหาคม อยู่ที่ 1.631 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.24% เมื่อเทียบกับระหว่างวันที่ 21-31 กรกฎาคม
CISA ระบุว่า ยอดผลผลิตเหล็กดิบในช่วงต้นเดือนสิงหาคมคาดว่าจะอยู่ที่ 1.9419 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.35% จากช่วงวันที่ 21-31 กรกฎาคม
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดเหล็กคาดว่า ยอดผลผลิตเหล็กกล้าของจีนอาจลดลงในวงจำกัดในเดือนสิงหาคม
— ไลวู สตีล ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนของ ชานตง ไอรอน แอนด์ สตีล กรุ๊ป ของจีน รายงานว่าบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งแรกของปี 2554 ที่ 198 ล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม ไลวู สตีล ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ระบุในแถลงการณ์ของบริษัท ว่า ตัวเลขสำหรับงวด 6 เดือนแรกซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ถุนายน 2554 ดังกล่าว ลดลง 27.09% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 21.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.2819 หมื่นล้านหยวน ในขณะที่เป้าหมายตลอดทั้งปีของบริษัทอยู่ที่ 4.06 หมื่นล้านหยวน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
กันยายน 1, 2011 ใส่ความเห็น
เวลา 10.30 -21.00 น. ณ ฮอลล์ 7-8 อิมแพค เมืองทองธานี กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย จัดงานจำหน่ายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ส่งออก “TFIC Furniture Outlet 2011” โดยมีเฟอร์นิเจอร์ส่งออก แบรนด์ชั้นนำจากผู้ผลิตโดยตรง นำมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษ
สิงหาคม 25, 2011 ใส่ความเห็น
กระทรวง พลังงาน จับมือสภาอุตสาหกรรมฯ นำร่องโครงการโลจิสติกส์-ลดเดินรถบรรทุกเที่ยวเปล่า 5 กลุ่มอุตสาหกรรม หวังช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนค่าขนส่ง เผยจับคู่ผู้ประกอบการสำเร็จแล้ว 3 คู่ ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ถึง 30% พร้อมเดินหน้าเฟส 2 ขยายเส้นทางเดินรถทั่วประเทศ
พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แต่ละปี มีการใช้พลังงานในภาคขนส่งสูงถึง 22 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 ของการใช้พลังงานของทั้งประเทศ โดยเป็นการขนส่งทางถนนสูงถึง 79% ซึ่งกระทรวงพลังงานมีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานในภาคขนส่ง โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการจราจรและขนส่ง ทั้งการขนส่งคนและการขนส่งสินค้า โดยในส่วนของการขนส่งคน ได้แก่ ส่งเสริมการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน และสนับสนุนให้การขนส่งสาธารณะเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ
ด้านการขนส่ง สินค้า สนับสนุนการดำเนินการที่ทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบโลจิสติกส์ การขนส่งทางรถไฟ และทางเรือ เป็นต้น รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการบริการขนส่งสินค้า ศึกษาแนวทางการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการ ดำเนินกิจการ การจัดทำเว็บไซต์และ Call center เพื่อลดการเดินรถบรรทุกเที่ยวเปล่า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการใช้น้ำมันและเชื้อเพลิงอื่นๆ ในภาคขนส่งได้ถึงปีละ 3 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมันดิบภายในปี 2554
ด้านนายเจน นำชัยศิริ รองประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า สอท.ได้ร่วมกับกระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินโครงการนำร่องการลดต้นทุนพลังงานด้วยโลจิสติกส์ เพื่อสร้างต้นแบบความร่วมมือในการลดต้นทุนพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการลดการเดินรถเที่ยวเปล่า เนื่องจากพบว่าปัจจุบันมีรถบรรทุกจำนวนมากถึง 46% ที่ยังมีการเดินรถเที่ยวเปล่ากลับหลังจากส่งของให้ลูกค้า โดยทางโครงการฯ ตั้งเป้าหมายการลดการเดินรถเที่ยวเปล่าให้ได้อย่างน้อย 5%
จากการดำเนิน งานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 มีผู้ประกอบการจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และกลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ซึ่งกระจายตัวในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่แถบอีสเทิร์นซีบอร์ด สมัครเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 34 ราย โดยปัจจุบันสามารถจับคู่ผู้ประกอบการสำเร็จแล้ว 3 คู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.เส้นทางระยอง – สมุทรสงคราม ระหว่างบริษัท พรีแพค ประเทศไทย – บริษัท ซัพพลายเออร์ 2.เส้นทางระยอง – สมุทรปราการ จำนวน 2 เส้นทาง ระหว่าง ศูนย์บริการเหล็กสยาม – บริษัท บีเอสที อีลาสโตเมอร์ส และ บริษัท ยูไนเต็ดคอยล์เซ็นเตอร์ – บีเอสที อีลาสโตเมอร์ส
“จากการทดลอง เดินรถใน 3 เส้นทางนำร่อง พบว่า สามารถเพิ่มจำนวนเที่ยววิ่งที่มีสินค้าขนกลับแทนการวิ่งรถเปล่าได้ 18 เที่ยวต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ปีละ 1.1 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราการลดการเดินรถเที่ยวเปล่าได้ 7.5% และที่สำคัญพบว่าผู้ประกอบการสามารถประหยัดต้นทุนค่าขนส่งลงได้ถึง 30% ซึ่งทางโครงการฯ มีแผนที่จะเดินหน้าเฟส 2 ต่อ โดยจะขยายเส้นทางเดินรถไปทั่วประเทศ และดึงกลุ่มอุตสาหกรรมเข้าร่วมเพิ่มเติม อาทิ อุตสาหกรรมเหล็ก อลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์ อาหาร น้ำตาล สิ่งทอ เซรามิค และยาง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทต่อปี” นายเจน กล่าว
sourc: IIE
สิงหาคม 25, 2011 ใส่ความเห็น
Acer Inc. yesterday announced that it suffered an unprecedentedly huge after-tax loss of NT$6.7 billion (US$234 million at US$1:NT$29) in the second quarter, will remain in the red in the third quarter, and will not likely make money throughout this year.
As the gloomy result and prospects missed expectations, the company’s chairman, J.T. Wang, again issued a public apology to the company’s shareholders after the announcement.
Wang ascribed the loss mostly to the combination of lackluster PC markets in Europe and America, the write-off of a US$150 million loss from its profitless clearance sales in Europe, and the US$30 million expense on corporate restructuring.
Industry executives pointed out that grim second-quarter result had further eroded investors’ confidence in the company, which already lowered its financial projections for the fourth quarter of last year and goal for the first quarter of this year.
The company’s consolidated revenue for the second quarter was NT$102 billion (US$3.5 billion), slipping 20.1% from the first quarter and 32% from a year earlier. Its loss for the second quarter was higher than the NT$3-4.5 billion (US$103-155 million) range projected by institutional investors.
Throughout the first half this year, the company had after-tax net loss of NT$5.6 billion (US$193 million), or NT$2.12 per share, on consolidated revenue of NT$229.8 billion (US$7.9 billion). The revenue represented a 26% contraction year on year.
Regardless of downbeat outlook, foreign institutional investors still bought 2.2 million Acer shares yesterday, marking the third consecutive days of excessive procurement of the company’s stocks on the market.
A bright side of the company’s operation, according to Wang, is the company’s inventory backlogs have declined to relatively healthy levels, with the inventories in Europe, Africa, the Middle East and Americas down to around eight weeks and the inventories in Asia Pacific region down to five to six weeks.
In response to speculations that the company would buy Hewlett-Packard’s PC division, Wang said his company will not buy the said division as PC operation is a low-profit business now.
(by Ken Liu)
สิงหาคม 25, 2011 ใส่ความเห็น
Recognized as the world’s No.2 LED maker for many years in terms of industry revenue, Taiwan is likely to be unseated by South Korea this year because of the lack of government incentives to consumers of LED lamps, according to Taiwan’s top two LED makers.
Y.F. Yeh, chairman of Everlight Electronics Co., Ltd., currently Taiwan’s No.1 LED packager, recently pointed out that mainland China and South Korea are poised to surpass Taiwan in LED production as a result of government subsidy to LED-lighting consumers.
His counterpart at No.1 chipmaker Epistar Corp., B.J. Lee, lamented that if Taiwan government fails to offer incentives to the consumers, Taiwan will eventually depend on foreign suppliers for the lamps, thereby eating into the island’s LED industry.
Yeh noted that Taiwan’s LED industry has developed for nearly 30 years and snatched up to 20% of the world market. However, the shining title will be likely taken over by South Korea, whose LED industry is estimated to see market share rise to 23% this year from 14% in 2009. He called on the Taiwan government to offer incentives as quickly as possible.
Compared to the average US$1 subsidy governments throughout the world offer for every 15 kilowatt of electricity per hour that a solar-power plant generates, Lee said the same amount of subsidy can help save 83 kilowatt per hour with LED lamps.
Yeh estimated an LED lamp can generate 116 kilograms less of carbon dioxide a year compared with an incandescent light bulb on the basis of 10 hours of non-stop operation a day, which means an LED lamp can reduce the greenhouse gas volume that requires at least 10 trees to absorb a year, given that a tree absorbs 10.6 kilograms a year.
(by Ken Liu)
สิงหาคม 25, 2011 ใส่ความเห็น
President Ma Ying-jeou announced yesterday (Aug. 24) a number of land reformative measures, in order to realize land and residential justice, including compensation for land expropriation according to market prices and registration of realty transactions based on actual transaction prices.
Ma also instructed the Executive Yuan to dampen land speculation by levying two to five times of land price tax on hoarders of vacant land in municipalities with high realty prices.
Ma noted that those measures are meant to avoid disputes related to land expropriation and alleviate local people’s concern over sky-high realty prices, so as to materialize the justice of “land, residence, and taxation.” They will reinforce several previous measures having been adopted by the government, including the levy of luxury tax and the plan for the building of social residences.
The land reforms will be carried out via revision of related law, such as the revision of “statute for land expropriation,” whose draft has been approved by the Executive Yuan and will be forwarded to the Legislative Yuan for ratification soon.
Ma pointed out that in the future, land expropriation may comply with the principles of “public interest, necessity, and proportion,” and the government cannot expropriate farmland in specific agricultural areas, except for public-benefit purpose or major national construction projects.
In the latter cases, the government will compensate landlords according to market prices, which will be evaluated by municipal governments every six months.
Meanwhile, realty transactions will be registered according to actual transaction prices, which will help municipal governments narrow the gap between government-assessed current land value and market prices. Government-assessed current land value amounts to only 80% of market prices on average at present. The narrowing of the gap will lead to higher value increment tax for realty transactions, thereby helping improve the income gap.
(by Philip Liu)
สิงหาคม 19, 2011 ใส่ความเห็น
อินโฟเควสท์จับมือแอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป เปิดตัวบริการ “Aspen” โปรแกรมเรียกดูข้อมูลหุ้นเรียลไทม์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ปรับปรุงจากโปรแกรม Apex ที่โบรกเกอร์-นักลงทุนคุ้นเคยวิธีการใช้งานอยู่แล้ว แต่ยกระดับให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มั่นใจตลาดให้การยอมรับด้วยความสามารถที่มากกว่าเดิม แต่ราคาต่ำกว่าคู่แข่ง 35-50%
นายชาลทอง ปัทมพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด ผู้ให้บริการข่าวสารข้อมูลออนไลน์ชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยว่า แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป เจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ Aspen Graphics โปรแกรมวิเคราะห์หุ้นชั้นนำของโลก (หรือที่โบรกเกอร์และนักลงทุนไทยรู้จักกันในนาม Apex ซึ่งให้บริการโดย บริษัท บิสนิวส์ เอเอฟอี (ประเทศไทย) จำกัด) ได้ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดโดยตรงในประเทศไทย โดยมีอินโฟเควสท์เป็นผู้สนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร พร้อมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มีชื่อว่า “Aspen” ซึ่งเป็นบริการเรียกดูข้อมูลหุ้นเรียลไทม์และข้อมูลด้านการเงิน การลงทุนต่างๆ จากตลาดในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจว่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในการใช้ประกอบ การตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น
นายชาลทองกล่าวว่า “บริษัท ไทยเควสท์ จำกัด ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับอินโฟเควสท์มีทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความ ชำนาญและมีความพร้อม และผมในฐานะผู้ก่อตั้งทั้งสองบริษัทได้เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันมาก กับผู้ก่อตั้งแอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป มาร่วม 25 ปี ไทยเควสท์จึงได้รับการร้องขอจากแอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป ให้ช่วยพัฒนาโปรแกรม Aspen เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของโบรกเกอร์และนัก ลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขีดความสามารถต่างๆที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ บริษัท ไทยเควสท์ จำกัด”
“เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมเป็นผู้นำเสนอบริการ Apex แต่ได้ขายธุรกิจและวางมือจากวงการไปกว่า 14 ปีแล้ว ถึงกระนั้นก็ตาม บริการ Apex ซึ่งได้เปลี่ยนไปอยู่ในมือเจ้าของใหม่ ก็ยังมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น การที่ผมจะกลับมาในวงการใหม่ ผมต้องมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าการที่เราเข้ามาแข่งขันจะทำให้คู่แข่งต้องลดราคาและ ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น ซึ่งผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกแก่ลูกค้าผู้ใช้บริการ” นายชาลทองกล่าวเพิ่มเติม
ข้อมูลข่าวสารต่างๆ บนบริการ Aspen ประกอบไปด้วยข้อมูลจากแหล่งทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงตลาดการค้า (Exchange) สำคัญๆ ของโลก ราว 35 แห่ง ครอบคลุมถึงข้อมูลดัชนีและราคาซื้อขายหลักทรัพย์ กองทุน ตราสารอนุพันธ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ข้อมูลพลังงาน ข้อมูลด้านการเงิน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวที่เกาะติดสถานการณ์ตลาดทุนซึ่งรายงานเป็นภาษาไทยและ อังกฤษจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์ สำนักข่าวดาวโจนส์ และ สำนักข่าวซินหัว โดยมีบริการเสริมทางด้านข่าวจากเว็บหุ้นอินไซด์ของ บริษัท นายกล้วยหอมออนไลน์ จำกัด
เนื่องจากบริษัทอินโฟเควสท์ไม่ใช่หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวง การบริการข้อมูลสำหรับตลาดหุ้นและการเงิน แต่อินโฟเควสท์ได้ดำเนินการให้บริการข้อมูลข่าวสารออนไลน์มากว่า 11 ปี และมีฐานธุรกิจเป็นลูกค้าแบบบอกรับเป็นสมาชิก(Subscribers) ซึ่งมีความต้องการใช้ข้อมูลอย่างมืออาชีพผ่านช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศอยู่กว่า 4,000 ราย ทำให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด(Economy of Scale) อินโฟเควสท์จึงใช้กลยุทธ์ด้านการตลาด ในการเสนอบริการที่มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ซึ่งบริการ Aspen นี้จะช่วยให้โบรกเกอร์และสถาบันการเงินสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ 35-50% จากราคามาตรฐานของคู่แข่ง
บริการ Aspen เป็นระบบข้อมูลข่าวสารออนไลน์แบบเรียลไทม์ที่ให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจและการลงทุน เกิดขึ้นโดยความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป จำกัด (Aspen Research Group, Ltd.) และ บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด
บริษัท แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป จำกัด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นบริษัทชั้นนำที่มีความชำนาญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถ ในการสร้างกราฟเพื่อการวิเคราะห์ทางเทคนิคและรองรับข้อมูลข่าวสาร สำหรับนักลงทุนมืออาชีพ
ซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อว่า Aspen Graphics พัฒนาโดยแอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ปนั้น ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนมืออาชีพและสถาบันการเงินทั่ว โลก โดยมีการนำไปใช้ร่วมกันกับข้อมูลและข่าวสารของผู้ให้บริการข้อมูล ข่าวสารชั้นนำ อาทิ สำนักข่าวรอยเตอร์ และ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ปเป็นผู้พัฒนาและเจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ที่ใช้กับบริการ Apex ของบริษัท บิสนิวส์ เอเอฟอี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งใช้กันอยู่ในกลุ่มโบรกเกอร์หลักทรัพย์และสถาบันการเงินในประ เทศไทย แต่ขณะนี้ แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ปได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศไทย ด้วยการร่วมมือกับบริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด ในการเสนอบริการข้อมูลข่าวสารทางด้านหุ้น การเงิน และธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน ให้โบรกเกอร์หลักทรัพย์และสถาบันการเงินในประเทศไทยได้มีเครื่อง มือประกอบการตัดสินใจลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าบริการอื่นๆ ในราคาที่ถูกกว่าอย่างมาก ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่โบรกเกอร์และสถาบันการ เงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยซอฟต์แวร์ Aspen ที่ร่วมมือกับอินโฟเควสท์นี้ เป็นการต่อยอดจากโปรแกรม Apex โดย บริษัท ไทยเควสท์ จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกันกับอินโฟเควสท์) เป็นผู้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม
บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด เป็นสำนักข่าวและผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารชั้นนำในประเทศไทย เริ่มดำเนินการให้บริการข้อมูลข่าวสารออนไลน์เมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยนายชาลทอง ปัทมพงศ์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท บิสนิวส์ จำกัด (มหาชน) ในอดีต และได้บริหารบิสนิวส์มาตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2526 จนประสพความสำเร็จอย่างสูง ทำให้บิสนิวส์เป็นบริษัทเอกชนไทยผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารแบบเรี ยลไทม์ออนไลน์รายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศก่อนที่จะขายกิจ การบิสนิวส์ไปให้รอยเตอร์เมื่อ พ.ศ. 2540
ปัจจุบัน อินโฟเควสท์มีพนักงานกว่า 200 คน โดยมีผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจข้อมูลข่าวสารออน ไลน์มายาวนานกว่า 28 ปี มีทีมบรรณาธิการข่าวและทีมพัฒนาข้อมูลเป็นของตนเอง ทีมงานมีประสบการณ์ในการทำงานที่บิสนิวส์และรอยเตอร์ อินโฟเควสท์ผลิตข่าวแบบเรียลไทม์ออนไลน์ ครอบคลุมหมวดข่าวเศรษฐกิจ หุ้นและการเงิน ตลอดจนข่าวการเมืองและข่าวทั่วไปที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นและการเงิน และข้อมูลอื่นๆ
นอกเหนือไปจากการผลิตข่าวด้วยตนเองแล้ว อินโฟเควสท์ยังได้รวบรวมข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่างๆ กว่า 300 แหล่ง จัดข่าวสารข้อมูลเหล่านั้นเป็นแพ็คเกจเพื่อนำเสนอเป็นบริการที่หลาก หลาย ได้แก่ บริการศูนย์รวมข่าวสารชื่อ นิวส์เซ็นเตอร์ (NEWSCenter) บริการคลิปปิ้งข่าวออนไลน์ ชื่อ ไอคิวนิวส์คลิป (iQNewsClip) บริการผ่านทางมือถือ ได้แก่ บริการ iQStock (WAP) และบริการ iQStockAlert (SMS) และบริการข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ ได้แก่ http://www.ryt9.com และ http://www.thaipr.netโดยอินโฟเควสท์ยังมีบริการ iQMediaLink ซึ่งเป็นบริการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
สิงหาคม 18, 2011 ใส่ความเห็น
กาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างไม่มีวัน หยุดหรือถอยหลังกลับ เปรียบได้กับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมิอาจปล่อยให้คลาดสายตา โดยเฉพาะในโลกธุรกิจ การแข่งขันที่นับวันยิ่งดุเดือดกันมากขึ้น ความแตกต่างและโดดเด่นจึงเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการไขสู่ประตูแห่งความสำเร็จ
คง ทราบกันดีว่า SME นั้นถือเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่สำคัญของประเทศ ฉะนั้นภาพการเติบโตของ SME จึงถือเป็นหลักสำคัญของประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีย่อมต้องเข้ามามีบทบาท เพื่อช่วยเสริมเขี้ยวลับคมให้ SME สามารถแข่งขันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อ กล่าวถึงเทคโนโลยี หากนึกถึงองค์กรซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมอาวุธให้กับ SME นั้น ย่อมต้องมีชื่อของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ ที่เรียกกันคุ้นหูว่า ‘สวทช.’ นั่นเอง
สวทช.เข้าไป มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME อย่างไรนั้น ‘สุวิภา วรรณสาธพ’ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว สวทช.เข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ด้วยการเพิ่มมิติของการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปช่วย SME ไทยแก้ปัญหาการผลิต การเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ รวมถึงการสร้างความต่างด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมในตัวสินค้าเองในกระบวนการผลิต หรือการขยายช่องการจัดจำหน่ายและการตลาดรูป แบบใหม่ๆ
โดยที่ ผ่านมาได้ดำเนินงานผ่านการทำงานร่วมกันของศูนย์ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC), ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC), ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) และศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ซึ่งจะเป็นกลไกสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME เติบโตและเข้มแข็งขึ้นได้
ใน ส่วนบริการที่ผู้ประกอบการ SME สามารถมาขอใช้บริการจาก สวทช.ได้นั้น อาทิ บริการวิเคราะห์ทดสอบ การฝึกอบรมและคำปรึกษาด้านเทคโนโลยี การรับจ้างวิจัยและการร่วมวิจัย สำหรับ SME ที่ต้องการจะพัฒนาต่อยอดหรือเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของตนเอง ขณะเดียวกันหากผู้ประกอบการมีความสนใจในธุรกิจใหม่ๆ หรืออยากจะขยายไลน์ธุรกิจ ก็สามารถมาขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ ซึ่งจุดประสงค์หลักของสวทช.นั้นต้องการจะถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้พัฒนาขึ้น มา เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย โดย สวทช. มุ่งเน้นทำงานร่วมกับพันธมิตร และใช้ความเก่งของภาคเอกชนด้านธุรกิจและการตลาดมาร่วมกันต่อยอดสู่ธุรกิจที่ ประสบความสำเร็จ
นอกจาก นี้ บริการของสวทช.ยังมีในส่วนของมาตรการส่งเสริมต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญในการนำงานวิจัยมาพัฒนาธุรกิจ เช่น เอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยและพัฒนาไปหักลด หย่อนภาษีได้ถึง 200 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกันนี้ สวทช.ยังมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไว้สนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ SME ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีอีกด้วย
“เรา ยังมีอีกหนึ่งบริการที่ SME น่าจะมาใช้ประโยชน์มากๆ คือ สวทช.มีศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการทางด้านธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งตั้งจะอยู่ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย หากเป็นผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ จะมีศูนย์บ่มเพาะอยู่ที่ซอฟต์แวร์พาร์ค ผู้ที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจสามารถเข้ามาอยู่ที่ศูนย์บ่มเพาะของเราได้ โดยจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในเวลา 1 ปีที่อยู่กับเราสำหรับกลุ่มซอฟต์แวร์ ส่วนฝั่งธุรกิจเทคโนโลยี จะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย และในกระบวนการบ่มเพาะ จะมีหลักสูตรการฝึกอบรมด้านทักษะธุรกิจ มีที่ปรึกษา และพี่เลี้ยงที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจมาแล้ว มีการพาไปออกตลาด เช่น การพาผู้ประกอบการไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ”
ปัจจุบัน ยังมีผู้ประกอบการ SME จำนวนมากที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ สวทช.จึงต้องพยายามทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในการดำเนินงาน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวทช.กล่าวว่า ได้มุ่งเป้าไปที่ การวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใน 5 คลัสเตอร์หลัก ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม กลุ่มสุขภาพและการแพทย์ กลุ่มการผลิตและบริการ และสุดท้ายกลุ่มชุมชนและผู้ด้อยโอกาส เนื่องจากเป้าหมายของสวทช.นั้น นอกจากจะเน้นไปที่เรื่องของเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับชุมชนและสังคมควบคู่ไปด้วย
อย่างไร ก็ดี หนึ่งในกิจกรรมเชิงรุกที่ทางสวทช.ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน SME Thailand Expo 2011 โดยกิจกรรมที่จะนำมาจัดแสดงในงานดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน
ส่วน แรก คือ การนำเสนอผลงานวิจัยของสวทช.ที่พร้อมสำหรับการถ่ายทอด โดยสวทช.จะคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับการไปใช้งานสำหรับผู้ประกอบการ SME เพื่อให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริงๆ และเน้นเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ปัญหา หรือสามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้
ใน ส่วนที่สองจะเป็นการนำเอาผลงานของผู้ประกอบการ SME ที่อยู่ภายใต้ศูนย์บ่มเพาะของสวทช.มานำเสนอ เพราะนอกจากจะช่วยสนับสนุนด้านการตลาดแก่ผู้ประกอบการแล้ว คนเหล่านี้ยังสามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้เห็นถึงโอกาสของการสร้างธุรกิจ โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการบ่มเพาะจากหน่วยงาน สวทช.
ใน ตอนท้ายนี้ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวทช. กล่าวด้วยว่า อยากให้ผู้ประกอบการ SME ได้รู้จักกับ สวทช.ให้มากขึ้น หรือหากสนใจผลงานวิจัยของสวทช.ก็สามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษาที่บูธในงาน SME Thailand Expo 2011 ในวันที่ 22-25 กันยายน 2554 ที่ อิมแพค อารีนา เมืองทองธานีได้ แต่หากไปแล้วยังมีเรื่องที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถขอรับบริการ ได้ที่ สวทช. ทั้งที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์ ถนนโยธี อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และอาคารซอฟต์แวร์พาร์ค หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่ 02-564-7000
จาก ข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ได้เล่าให้ฟังนั้น เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นที่ SME มิอาจปล่อยเลยผ่านได้ หากมัวแต่คิดว่า ‘แค่นี้ก็พอใจแล้ว’ นั่นคงไม่ต่างอะไรกับการขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะคู่แข่งแซงหน้าไปไกลสุดกู่ แต่ตัวเองกลับจมปลักย่ำอยู่กับที่
สุดท้ายแล้วจุดจบจะเป็นเยี่ยงไรนั้น คงเดาได้ไม่ยากเย็นเลย
source: SMEThailand
สิงหาคม 18, 2011 ใส่ความเห็น
Through decades of transformation and upgrading, Taiwan’s lighting industry has earned global recognition not only for its industrial technology, but also for its product innovation.
Taiwan’s lighting products, which incorporate creative and artistic design in addition to skilled manufacturing technologies, have won international awards annually in recent years. To encourage companies to be dedicated to product design, the organizers of this year’s Taiwan International Lighting Show (TILS), the Taiwan External Trade Development Council (TAITRA) and the Taiwan Lighting Fixture Export Association (TLFEA), worked out an “Innovative Product Award” contest for the first time. The response from lighting suppliers has been enthusiastic.
Of 87 entries from 50 companies, 10 items entered the final competition and three were selected as the final award winners: The “LED Glass Brick” by Lei Yueh Enterprise Co., “3D LED Crystal Cube” by Ledgend Technology Inc., and “’ALBERO’ LED Floor Lamp” by Darfon Lighting Corp.
“Now, Taiwan’s lighting companies are very active in joining various product design competitions,” commented Y.C. Chao, president and CEO of TAITRA. “This implies that they are very confident of their products.” Chao noted that some products which failed to win the “Innovative Product Award” went on to win other competitions; indeed, he said, he considered every entry in the contest a creative masterpiece.
“Lighting is one of the strategic industries that the government has pinpointed for development as a major locomotive force for Taiwan’s economic growth in the 21st century,” said Jerry Ou, director general of the Bureau of Energy under the Ministry of Economic Affairs (MOEA).
Ou, who presented the awards on behalf of the MOEA, made his remarks at the awards ceremony held on the opening day of TILS, which ran May 18-21. “All of the entries are innovative in many ways, so the contest is extremely hard to judge,” he said. The three winning products, along with the other seven finalists, were displayed at the TILS “Innovative Product Pavilion.”
LED Glass Brick─Lei Yueh Enterprise Co.
The LED Glass Brick developed by Lei Yueh Enterprise is a combination of LED lighting and glass construction material. The company uses LED technology to give its glass bricks a colorful lighting effect, making them especially suited to construction projects with a special emphasis on wall decoration or public lighting. “The colorful lighting emanating from the walls can make a building feel like a crystal palace,” said Ethan Lin, the company’s marketing manager.
Applied along the Love River in Kaohsiung, the LED Glass Brick provides a wondrous atmosphere that is also fitted to five-star hotels and other public places. A further advantage is that the LED bulbs used in the glass bricks are energy-efficient and have a long life span.
Lin believes that the ambiance generated by the LED Glass Brick is so unique that no other lighting product can compete with it, with colors that change automatically to present a colorful world. “The LED Glass Bricks made with embedded IC chips allow users to adjust the ways the color of the lighting changes,” he stressed.
Lei Yueh has been dedicated to lighting design and production for over three decades since its establishment in 1976, and is now a specialized company for lighting production, design, and marketing.
3D LED Crystal Cube ─ Ledgend Technology Inc.
The 3D LED Crystal Cube made by Ledgend Technology is a transparent box embedded with numerous LED bulbs that present changing visual effects in different shapes. “What is presented inside the box can be pictures, logos, abstract images, or simple text messages, and all of them can be customized to fit the special demands of different users,” said a company official. Ledgend is promoting its 3D LED Crystal Cube a brand-new advertising medium.
According to the company, the built-in chip system that controls the LED light bulbs enables the box to present messages in three languages: Chinese, English, and Japanese. The cube can be made in any shape or size based on customers’ requirements. “It could be as small as a jewel display box,” commented the official, “or as large as a pillar reaching from floor to ceiling.”
The LED bulbs can be used in both cold and hot environments ranging in temperature from minus 10 to plus 40 degrees Celsius. The life expectancy of the LED bulbs is about 5 million hours.
Ledgend Technology was established in 2008 as an LED lighting designer and manufacturer. The name is a combination of LED and Legend, implying that the company creates legendary applications of LED lighting products through creative design.
“ALBERO” LED Floor Lamp ─ Darfon Lighting Corp.
The “ALBERO” LED Floor Lamp from Darfon Lighting Corp. comes in the shape of a tree, bringing the abstract concept of natural plant life into the home. According to the company, “ALBERO” is the Italian word for “tree.” A unique feature of the “ALBERO” floor lamp is that its branches incorporate multiprocessors which calculate the energy needs of each branch according to its height and angle.
As a subsidiary of the Darfon Electronics Corp., Darfon Lighting focuses on making lighting products using new-generation energy-saving lighting sources. “Since its establishment,” commented Andy Su, president of Darfon Electronics and chairman of Darfon Lighting, “the company has earned various international and domestic lighting awards for its innovative lighting products such as the CALLA LED Desk Lamp, CALLA PLUS Floor Lamp, and ALBERO LED Floor Lamp.” The ALBERO can be extended to 190 cm in height and has a minimum illumination of 600 lux.
Dimmable LED Street Lamp without Adaptor ─ Justenergy Technology Corp.
Justenergy Technology Corp., which was established under Advanced Connectek Inc. only in March, had two products that reached the finals of the “Innovative Product Award” contest. Though it failed to win an award this time, its parent Advanced Connectek has won several prestigious awards including the iF Gold in Germany, IDEA in the U.S., Taiwan Excellence. The Dimmable LED Street Lamp without Adaptor is able to operate without a transformer and saves cost by using power efficiently.
The LED bulb used in the street lamp can withstand temperatures as low as minus 40 degrees Celsius and as high as plus 100 degrees. The bulb is highly efficient, light, and compact, and has a life span of 20,000 hours. The company’s Dimmable HV LED Pendant Lamp has features similar to those of the Dimmable LED Street Lamp without Adaptor, but is designed mainly to be used indoors.
(by Michelle Hsu)