เทรนด์สี ปี 2012-2013

องค์กรวิจัยกำหนดเทรนด์สีกำหนดเทรนด์สีปี 2012-2013 คือ สีโทนมืด แต่มีเงาของความสว่างเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหวังที่ยังมีอยู่

ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนออกแบบให้ตรงตามรสนิยมของผู้คนในสังคมยุ คนั้นๆ โดยเรื่องราวของสี มีองค์กรที่ใช้ชื่อว่า อินเตอร์คัลเลอร์ ซึ่งได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสีของแต่ละประเทศทั่วโลกมาคาดการณ์เทรนด์สี ล่วงหน้าในอนาคต ถึงตอนนี้มีการพูดถึงสีในฤดูกาล ออทั่ม-วินเทอร์ ปี 2012-2013 แล้ว ซึ่งจะเป็นสีในโทนมืด แต่มีเงาของความสว่างเพื่อกระตุ้นอารมณ์เพื่อสนองให้เห็นถึงความหวังที่ยัง มีอยู่
นายประดิษฐ์ รัตนวิจิตราศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทย หนึ่งเดียวของคนไทยที่มีส่วนร่วมในการประชุมเรื่องเทรนด์สีโลก กล่าวว่า นอกจากข้อมูลเรื่องสีแล้วข้อมูลด้านวัสดุ พื้นผิวสัมผัส เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญจำเป็นต้องพิจารณาควบคู่กันไป อย่างที่คาดการณ์ไว้จะมีลักษณะที่เรียบง่าย นุ่มนวล
แต่ก่อนที่จะไปถึงช่วงฤดูกาล ออทั่ม-วินเทอร์ ปี 2012-2013 ปลายปีนี้ถ้าใครไม่อยากตกเทรนด์ก็อย่าลืมจับตากลุ่มสีโทนมืดที่มีสีแดงผสม ซึ่งให้ความรู้สึกออกแนวดราม่าน่าตื่นเต้น ,กลุ่มสีธรรมชาติเขียวมะกอกผสมโลหะที่ออกแวววาว และกลุ่มสีโทนหวานออกแนวผู้ใหญ่
อินเตอร์คัลเลอร์ เป็นองค์กรที่ทำการวิจัยสำรวจและประชุมกำหนดค่าเทรนด์สีกลางล่วงหน้า 2 ปี เพื่อให้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ นำไปใช้สำหรับการออกแบบ หรือเตรียมผลิตสินค้าวางตลาดให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ อย่างทันท่วงที รู้อย่างนี้แล้วอย่างลืมเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับเทรนด์สีใหม่กันเลย

Produced by VoiceTV

ธุรกิจ​โลหะในประเทศจีน

กระทรวง​การคลังของ จีน​เปิด​เผยว่า รัฐวิสาหกิจของจีนรายงานกำ​ไรจาก​การดำ​เนินงานสำหรับช่วง 7 ​เดือน​แรกปีนี้​เพิ่มขึ้น 24.4% ​เมื่อ​เทียบ​เป็นรายปี

​แถลง​การณ์ที่​เผย​แพร่บน​เว็บ​ไซต์ของกระทรวงฯ ระบุว่า รัฐวิสาหกิจจีนมีกำ​ไรรวมกัน​ทั้งสิ้น 1.34 ล้านล้านหยวน (2.0781 ​แสนล้านดอลลาร์) ​โดยจำนวน 9.0951 ​แสนล้านหยวนมาจากรัฐวิสาหกิจที่บริหารงาน​โดยรัฐบาลกลาง ​ในขณะที่ราย​ได้​ในช่วง 7 ​เดือน​แรก​เพิ่มขึ้น 25.2% ​เมื่อ​เทียบ​เป็นรายปี สู่ระดับ 20.65 ล้านล้านหยวน

​ในช่วง​เวลาดังกล่าว รัฐวิสาหกิจจีนมียอด​เสียภาษีรวมกันที่ 1.83 ล้านล้านหยวน ​เพิ่มขึ้น 26.1% ​เมื่อ​เทียบกับปีก่อนหน้านี้ ​ในขณะที่ต้นทุน​การผลิต​เพิ่มขึ้น 25.2% ​เป็น 19.47 ล้านล้านหยวน

​ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจ​ในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ​เคมีวิศวกรรม ​โลหะนอกกลุ่ม​เหล็ก ​และ ถ่านหิน ต่าง​ก็รายงานกำ​ไรจากผลประกอบ​การสำหรับช่วง 7 ​เดือน​แรกที่​เพิ่มขึ้นอย่างมาก ​ในขณะที่วิสาหกิจ​ในอุตสาหกรรม​การผลิต​เครื่องจักร ​และ ​เหล็กกล้า มีกำ​ไรที่ลดลง​เมื่อ​เทียบ​เป็นราย​เดือน

— ยอดผลผลิต​เหล็กดิบรายวันของกลุ่มบริษัท​ผู้ผลิต​เหล็ก 76 ราย​ซึ่ง​เป็นสมาชิกสมาคม​เหล็ก​และ​เหล็กกล้าจีน (CISA) ​ในระหว่างวันที่ 1-10 สิงหาคม อยู่ที่ 1.631 ล้านตัน ​เพิ่มขึ้น 1.24% ​เมื่อ​เทียบกับระหว่างวันที่ 21-31 กรกฎาคม

CISA ระบุว่า ยอดผลผลิต​เหล็กดิบ​ในช่วงต้น​เดือนสิงหาคมคาดว่าจะอยู่ที่ 1.9419 ล้านตัน ​เพิ่มขึ้น 0.35% จากช่วงวันที่ 21-31 กรกฎาคม

​ผู้ที่​เกี่ยวข้องกับตลาด​เหล็กคาดว่า ยอดผลผลิต​เหล็กกล้าของจีนอาจลดลง​ในวงจำกัด​ใน​เดือนสิงหาคม

— ​ไลวู สตีล ​ซึ่ง​เป็นบริษัทจดทะ​เบียนของ ชานตง ​ไอรอน ​แอนด์ สตีล กรุ๊ป ของจีน รายงานว่าบริษัทมีกำ​ไรสุทธิสำหรับงวดครึ่ง​แรกของปี 2554 ที่ 198 ล้านหยวน

อย่าง​ไร​ก็ตาม ​ไลวู สตีล ​ซึ่งจดทะ​เบียน​ในตลาดหลักทรัพย์​เซี่ยง​ไฮ้ระบุ​ใน​แถลง​การณ์ของบริษัท ว่า ตัว​เลขสำหรับงวด 6 ​เดือน​แรก​ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ถุนายน 2554 ดังกล่าว ลดลง 27.09% จากช่วง​เวลา​เดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ​แถลง​การณ์ดังกล่าวยังระบุว่า บริษัทมีราย​ได้​เพิ่มขึ้น 21.4% ​เมื่อ​เทียบ​เป็นรายปี สู่ระดับ 2.2819 หมื่นล้านหยวน ​ในขณะที่​เป้าหมายตลอด​ทั้งปีของบริษัทอยู่ที่ 4.06 หมื่นล้านหยวน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

สภาอุตสาหกรรม​แห่งประ​เทศ​ไทย ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรม​เครื่อง​เรือน​ไทย จัดงานจำหน่ายสินค้า​เฟอร์นิ​เจอร์ส่งออก “TFIC Furniture Outlet 2011”

เวลา 10.30 -21.00 น. ณ ฮอลล์ 7-8 อิม​แพค ​เมืองทองธานี กลุ่มอุตสาหกรรม​เฟอร์นิ​เจอร์ สภาอุตสาหกรรม​แห่งประ​เทศ​ไทย ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรม​เครื่อง​เรือน​ไทย จัดงานจำหน่ายสินค้า​เฟอร์นิ​เจอร์ส่งออก “TFIC Furniture Outlet 2011” ​โดยมี​เฟอร์นิ​เจอร์ส่งออก ​แบรนด์ชั้นนำจาก​ผู้ผลิต​โดยตรง นำมาจำหน่าย​ในราคาลดพิ​เศษ

กระทรวงพลังงานจับมือ สอท. เดินหน้าโลจิสติกส์นำร่อง 3 เส้นทาง ช่วยประหยัดน้ำมันได้ปีละ 1.1 ล้านบาท

กระทรวง พลังงาน จับมือสภาอุตสาหกรรมฯ นำร่องโครงการโลจิสติกส์-ลดเดินรถบรรทุกเที่ยวเปล่า 5 กลุ่มอุตสาหกรรม หวังช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนค่าขนส่ง เผยจับคู่ผู้ประกอบการสำเร็จแล้ว 3 คู่ ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ถึง 30% พร้อมเดินหน้าเฟส 2 ขยายเส้นทางเดินรถทั่วประเทศ

พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แต่ละปี มีการใช้พลังงานในภาคขนส่งสูงถึง 22 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 ของการใช้พลังงานของทั้งประเทศ โดยเป็นการขนส่งทางถนนสูงถึง 79% ซึ่งกระทรวงพลังงานมีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานในภาคขนส่ง โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการจราจรและขนส่ง ทั้งการขนส่งคนและการขนส่งสินค้า โดยในส่วนของการขนส่งคน ได้แก่ ส่งเสริมการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน และสนับสนุนให้การขนส่งสาธารณะเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ

ด้านการขนส่ง สินค้า สนับสนุนการดำเนินการที่ทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบโลจิสติกส์ การขนส่งทางรถไฟ และทางเรือ เป็นต้น รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการบริการขนส่งสินค้า ศึกษาแนวทางการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการ ดำเนินกิจการ การจัดทำเว็บไซต์และ Call center เพื่อลดการเดินรถบรรทุกเที่ยวเปล่า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการใช้น้ำมันและเชื้อเพลิงอื่นๆ ในภาคขนส่งได้ถึงปีละ 3 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมันดิบภายในปี 2554

ด้านนายเจน นำชัยศิริ รองประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า สอท.ได้ร่วมกับกระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินโครงการนำร่องการลดต้นทุนพลังงานด้วยโลจิสติกส์ เพื่อสร้างต้นแบบความร่วมมือในการลดต้นทุนพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการลดการเดินรถเที่ยวเปล่า เนื่องจากพบว่าปัจจุบันมีรถบรรทุกจำนวนมากถึง 46% ที่ยังมีการเดินรถเที่ยวเปล่ากลับหลังจากส่งของให้ลูกค้า โดยทางโครงการฯ ตั้งเป้าหมายการลดการเดินรถเที่ยวเปล่าให้ได้อย่างน้อย 5%

จากการดำเนิน งานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 มีผู้ประกอบการจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และกลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ซึ่งกระจายตัวในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่แถบอีสเทิร์นซีบอร์ด สมัครเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 34 ราย โดยปัจจุบันสามารถจับคู่ผู้ประกอบการสำเร็จแล้ว 3 คู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.เส้นทางระยอง – สมุทรสงคราม ระหว่างบริษัท พรีแพค ประเทศไทย – บริษัท ซัพพลายเออร์ 2.เส้นทางระยอง – สมุทรปราการ จำนวน 2 เส้นทาง ระหว่าง ศูนย์บริการเหล็กสยาม – บริษัท บีเอสที อีลาสโตเมอร์ส และ บริษัท ยูไนเต็ดคอยล์เซ็นเตอร์ – บีเอสที อีลาสโตเมอร์ส

“จากการทดลอง เดินรถใน 3 เส้นทางนำร่อง พบว่า สามารถเพิ่มจำนวนเที่ยววิ่งที่มีสินค้าขนกลับแทนการวิ่งรถเปล่าได้ 18 เที่ยวต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ปีละ 1.1 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราการลดการเดินรถเที่ยวเปล่าได้ 7.5% และที่สำคัญพบว่าผู้ประกอบการสามารถประหยัดต้นทุนค่าขนส่งลงได้ถึง 30% ซึ่งทางโครงการฯ มีแผนที่จะเดินหน้าเฟส 2 ต่อ โดยจะขยายเส้นทางเดินรถไปทั่วประเทศ และดึงกลุ่มอุตสาหกรรมเข้าร่วมเพิ่มเติม อาทิ อุตสาหกรรมเหล็ก อลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์ อาหาร น้ำตาล สิ่งทอ เซรามิค และยาง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทต่อปี” นายเจน กล่าว

sourc: IIE

Acer Reports Unprecedentedly Huge Loss

Acer Inc. yesterday announced that it suffered an unprecedentedly huge after-tax loss of NT$6.7 billion (US$234 million at US$1:NT$29) in the second quarter, will remain in the red in the third quarter, and will not likely make money throughout this year.

As the gloomy result and prospects missed expectations, the company’s chairman, J.T. Wang, again issued a public apology to the company’s shareholders after the announcement.

Wang ascribed the loss mostly to the combination of lackluster PC markets in Europe and America, the write-off of a US$150 million loss from its profitless clearance sales in Europe, and the US$30 million expense on corporate restructuring.

Industry executives pointed out that grim second-quarter result had further eroded investors’ confidence in the company, which already lowered its financial projections for the fourth quarter of last year and goal for the first quarter of this year.

The company’s consolidated revenue for the second quarter was NT$102 billion (US$3.5 billion), slipping 20.1% from the first quarter and 32% from a year earlier. Its loss for the second quarter was higher than the NT$3-4.5 billion (US$103-155 million) range projected by institutional investors.

Throughout the first half this year, the company had after-tax net loss of NT$5.6 billion (US$193 million), or NT$2.12 per share, on consolidated revenue of NT$229.8 billion (US$7.9 billion). The revenue represented a 26% contraction year on year.

Regardless of downbeat outlook, foreign institutional investors still bought 2.2 million Acer shares yesterday, marking the third consecutive days of excessive procurement of the company’s stocks on the market.

A bright side of the company’s operation, according to Wang, is the company’s inventory backlogs have declined to relatively healthy levels, with the inventories in Europe, Africa, the Middle East and Americas down to around eight weeks and the inventories in Asia Pacific region down to five to six weeks.

In response to speculations that the company would buy Hewlett-Packard’s PC division, Wang said his company will not buy the said division as PC operation is a low-profit business now.

(by Ken Liu)

Taiwan’s LED Industry Loses Momentum on Incentive Issue

Recognized as the world’s No.2 LED maker for many years in terms of industry revenue, Taiwan is likely to be unseated by South Korea this year because of the lack of government incentives to consumers of LED lamps, according to Taiwan’s top two LED makers.

Y.F. Yeh, chairman of Everlight Electronics Co., Ltd., currently Taiwan’s No.1 LED packager, recently pointed out that mainland China and South Korea are poised to surpass Taiwan in LED production as a result of government subsidy to LED-lighting consumers.

His counterpart at No.1 chipmaker Epistar Corp., B.J. Lee, lamented that if Taiwan government fails to offer incentives to the consumers, Taiwan will eventually depend on foreign suppliers for the lamps, thereby eating into the island’s LED industry.

Yeh noted that Taiwan’s LED industry has developed for nearly 30 years and snatched up to 20% of the world market. However, the shining title will be likely taken over by South Korea, whose LED industry is estimated to see market share rise to 23% this year from 14% in 2009. He called on the Taiwan government to offer incentives as quickly as possible.

Compared to the average US$1 subsidy governments throughout the world offer for every 15 kilowatt of electricity per hour that a solar-power plant generates, Lee said the same amount of subsidy can help save 83 kilowatt per hour with LED lamps.

Yeh estimated an LED lamp can generate 116 kilograms less of carbon dioxide a year compared with an incandescent light bulb on the basis of 10 hours of non-stop operation a day, which means an LED lamp can reduce the greenhouse gas volume that requires at least 10 trees to absorb a year, given that a tree absorbs 10.6 kilograms a year.

(by Ken Liu)

President Ma Announces Land Reformative Measures

President Ma Ying-jeou announced yesterday (Aug. 24) a number of land reformative measures, in order to realize land and residential justice, including compensation for land expropriation according to market prices and registration of realty transactions based on actual transaction prices.

Ma also instructed the Executive Yuan to dampen land speculation by levying two to five times of land price tax on hoarders of vacant land in municipalities with high realty prices.

Ma noted that those measures are meant to avoid disputes related to land expropriation and alleviate local people’s concern over sky-high realty prices, so as to materialize the justice of “land, residence, and taxation.” They will reinforce several previous measures having been adopted by the government, including the levy of luxury tax and the plan for the building of social residences.

The land reforms will be carried out via revision of related law, such as the revision of “statute for land expropriation,” whose draft has been approved by the Executive Yuan and will be forwarded to the Legislative Yuan for ratification soon.

Ma pointed out that in the future, land expropriation may comply with the principles of “public interest, necessity, and proportion,” and the government cannot expropriate farmland in specific agricultural areas, except for public-benefit purpose or major national construction projects.

In the latter cases, the government will compensate landlords according to market prices, which will be evaluated by municipal governments every six months.

Meanwhile, realty transactions will be registered according to actual transaction prices, which will help municipal governments narrow the gap between government-assessed current land value and market prices. Government-assessed current land value amounts to only 80% of market prices on average at present. The narrowing of the gap will lead to higher value increment tax for realty transactions, thereby helping improve the income gap.

(by Philip Liu)

อิน​โฟ​เควสท์จับมือ​แอส​เพนรี​เสิร์ช​เปิดตัว Aspen ​โปร​แกรมข้อมูลหุ้น​เรียล​ไทม์ ชูกลยุทธ์​เหนือคู่​แข่งด้วย “คุณภาพดีกว่า ถูกกว่า”

อิน​โฟ​เควสท์จับมือ​แอส​เพนรี​เสิร์ช​เปิดตัว Aspen ​โปร​แกรมข้อมูลหุ้น​เรียล​ไทม์ ชูกลยุทธ์​เหนือคู่​แข่งด้วย “คุณภาพดีกว่า ถูกกว่า”อิน​โฟ​เควสท์จับมือ​แอส​เพนรี​เสิร์ช​เปิดตัว Aspen ​โปร​แกรมข้อมูลหุ้น​เรียล​ไทม์ ชูกลยุทธ์​เหนือคู่​แข่งด้วย “คุณภาพดีกว่า ถูกกว่า”

อิน​โฟ​เควสท์จับมือ​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป ​เปิดตัวบริ​การ “Aspen” ​โปร​แกรม​เรียกดูข้อมูลหุ้น​เรียล​ไทม์​เวอร์ชั่น​ใหม่ล่าสุด ปรับปรุงจาก​โปร​แกรม Apex ที่​โบรก​เกอร์-นักลงทุนคุ้น​เคยวิธี​การ​ใช้งานอยู่​แล้ว ​แต่ยกระดับ​ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มั่น​ใจตลาด​ให้​การยอมรับด้วย​ความสามารถที่มากกว่า​เดิม ​แต่ราคาต่ำกว่าคู่​แข่ง 35-50%

นายชาลทอง ปัทมพงศ์ ประธานกรรม​การบริหาร บริษัท อิน​โฟ​เควสท์ จำกัด ​ผู้​ให้บริ​การข่าวสารข้อมูลออน​ไลน์ชั้นนำ​ในประ​เทศ​ไทย ​เปิด​เผยว่า ​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป ​เจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์​แวร์ Aspen Graphics ​โปร​แกรมวิ​เคราะห์หุ้นชั้นนำของ​โลก (​หรือที่​โบรก​เกอร์​และนักลงทุน​ไทยรู้จักกัน​ในนาม Apex ​ซึ่ง​ให้บริ​การ​โดย บริษัท บิสนิวส์ ​เอ​เอฟอี (ประ​เทศ​ไทย) จำกัด) ​ได้ตัดสิน​ใจ​เข้ามา​ทำตลาด​โดยตรง​ในประ​เทศ​ไทย ​โดยมีอิน​โฟ​เควสท์​เป็น​ผู้สนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร พร้อมที่จะออกผลิตภัณฑ์​ใหม่มีชื่อว่า “Aspen” ​ซึ่ง​เป็นบริ​การ​เรียกดูข้อมูลหุ้น​เรียล​ไทม์​และข้อมูลด้าน​การ​เงิน​ การลงทุนต่างๆ จากตลาด​ในประ​เทศ​และต่างประ​เทศ มั่น​ใจว่าจะ​เป็น​เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน​ใน​การ​ใช้ประกอบ​ การตัดสิน​ใจลงทุน​ในตลาดหุ้น

นายชาลทองกล่าวว่า “บริษัท ​ไทย​เควสท์ จำกัด ​ซึ่งอยู่​ในกลุ่ม​เดียวกันกับอิน​โฟ​เควสท์มีทีมพัฒนาซอฟต์​แวร์ที่มี​ความ ชำนาญ​และมี​ความพร้อม ​และผม​ในฐานะ​ผู้ก่อตั้ง​ทั้งสองบริษัท​ได้​เป็นพันธมิตรที่​ใกล้ชิดกันมาก กับ​ผู้ก่อตั้ง​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป มาร่วม 25 ปี ​ไทย​เควสท์​จึง​ได้รับ​การร้องขอจาก​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป ​ให้ช่วยพัฒนา​โปร​แกรม Aspen ​เพื่อ​เพิ่มประสิทธิภาพ​และตอบสนอง​ความต้อง​การของ​โบรก​เกอร์​และนัก ลงทุน​ในประ​เทศ​ไทย​ให้มากขึ้นอย่างต่อ​เนื่อง ​ทั้งนี้ขีด​ความสามารถต่างๆที่​เพิ่มขึ้นนั้น​เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ บริษัท ​ไทย​เควสท์ จำกัด”

“​เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผม​เป็น​ผู้นำ​เสนอบริ​การ Apex ​แต่​ได้ขายธุรกิจ​และวางมือจากวง​การ​ไปกว่า 14 ปี​แล้ว ​ถึงกระนั้น​ก็ตาม บริ​การ Apex ​ซึ่ง​ได้​เปลี่ยน​ไปอยู่​ในมือ​เจ้าของ​ใหม่ ​ก็ยังมี​การ​ใช้กันอย่าง​แพร่หลายมาจน​ถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น ​การที่ผมจะกลับมา​ในวง​การ​ใหม่ ผมต้องมั่น​ใจว่าจะสามารถ​ทำ​ได้ดีกว่า​เดิม นอกจากนี้ ผม​เชื่อว่า​การที่​เรา​เข้ามา​แข่งขันจะ​ทำ​ให้คู่​แข่งต้องลดราคา​และ ปรับปรุงคุณภาพ​ให้ดีขึ้น ​ซึ่งผลประ​โยชน์​ทั้งหมดจะตก​แก่ลูกค้า​ผู้​ใช้บริ​การ” นายชาลทองกล่าว​เพิ่ม​เติม

ข้อมูลข่าวสารต่างๆ บนบริ​การ Aspen ประกอบ​ไปด้วยข้อมูลจาก​แหล่ง​ทั้ง​ใน​และต่างประ​เทศ รวม​ถึงตลาด​การค้า (Exchange) สำคัญๆ ของ​โลก ราว 35 ​แห่ง ครอบคลุม​ถึงข้อมูลดัชนี​และราคาซื้อขายหลักทรัพย์ กองทุน ตราสารอนุพันธ์ ​และสินค้า​โภคภัณฑ์ล่วงหน้า ข้อมูลพลังงาน ข้อมูลด้าน​การ​เงิน อัตรา​แลก​เปลี่ยน​เงินตราต่างประ​เทศ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวที่​เกาะติดสถาน​การณ์ตลาดทุน​ซึ่งรายงาน​เป็นภาษา​ไทย​และ อังกฤษจาก สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ สำนักข่าวดาว​โจนส์ ​และ สำนักข่าวซินหัว ​โดยมีบริ​การ​เสริมทางด้านข่าวจาก​เว็บหุ้นอิน​ไซด์ของ บริษัท นายกล้วยหอมออน​ไลน์ จำกัด

​เนื่องจากบริษัทอิน​โฟ​เควสท์​ไม่​ใช่หน้า​ใหม่ที่​เพิ่ง​เข้ามา​ในวง​ การบริ​การข้อมูลสำหรับตลาดหุ้น​และ​การ​เงิน ​แต่อิน​โฟ​เควสท์​ได้ดำ​เนิน​การ​ให้บริ​การข้อมูลข่าวสารออน​ไลน์มากว่า 11 ปี ​และมีฐานธุรกิจ​เป็นลูกค้า​แบบบอกรับ​เป็นสมาชิก(Subscribers) ​ซึ่งมี​ความต้อง​การ​ใช้ข้อมูลอย่างมืออาชีพผ่านช่องทางต่างๆ ทั่วประ​เทศอยู่กว่า 4,000 ราย ​ทำ​ให้​ได้ประ​โยชน์จาก​การประหยัดต่อขนาด(Economy of Scale) อิน​โฟ​เควสท์​จึง​ใช้กลยุทธ์ด้าน​การตลาด ​ใน​การ​เสนอบริ​การที่มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ​ในราคาที่ต่ำกว่าคู่​แข่ง ​ซึ่งบริ​การ Aspen นี้จะช่วย​ให้​โบรก​เกอร์​และสถาบัน​การ​เงินสามารถลดค่า​ใช้จ่าย​ไป​ได้ 35-50% จากราคามาตรฐานของคู่​แข่ง

​เกี่ยวกับบริ​การ Aspen (​แอส​เพน)

บริ​การ Aspen ​เป็นระบบข้อมูลข่าวสารออน​ไลน์​แบบ​เรียล​ไทม์ที่​ให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ​ทั้ง​ใน​และต่างประ​เทศ​เพื่อ​การตัดสิน​ใจทางธุรกิจ​และ​การลงทุน ​เกิดขึ้น​โดย​ความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท ​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป จำกัด (Aspen Research Group, Ltd.) ​และ บริษัท อิน​โฟ​เควสท์ จำกัด

​เกี่ยวกับบริษัท ​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป จำกัด

บริษัท ​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป จำกัด มีสำนักงาน​ใหญ่ตั้งอยู่​ในประ​เทศสหรัฐอ​เมริกา ​เป็นบริษัทชั้นนำที่มี​ความชำนาญ​ใน​การพัฒนาซอฟต์​แวร์ที่มี​ความสามารถ​ ใน​การสร้างกราฟ​เพื่อ​การวิ​เคราะห์ทาง​เทคนิค​และรองรับข้อมูลข่าวสาร สำหรับนักลงทุนมืออาชีพ

ซอฟต์​แวร์ชั้นนำระดับ​โลกที่มีชื่อว่า Aspen Graphics พัฒนา​โดย​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ปนั้น ถูก​ใช้งานอย่าง​แพร่หลาย​ในหมู่นักลงทุนมืออาชีพ​และสถาบัน​การ​เงินทั่ว​ โลก ​โดยมี​การนำ​ไป​ใช้ร่วมกันกับข้อมูล​และข่าวสารของ​ผู้​ให้บริ​การข้อมูล ข่าวสารชั้นนำ อาทิ สำนักข่าวรอย​เตอร์ ​และ สำนักข่าวบลูม​เบิร์ก

​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป​เป็น​ผู้พัฒนา​และ​เจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์​แวร์ ที่​ใช้กับบริ​การ Apex ของบริษัท บิสนิวส์ ​เอ​เอฟอี (ประ​เทศ​ไทย) จำกัด ​ซึ่ง​ใช้กันอยู่​ในกลุ่ม​โบรก​เกอร์หลักทรัพย์​และสถาบัน​การ​เงิน​ในประ​ เทศ​ไทย ​แต่ขณะนี้ ​แอส​เพนรี​เสิร์ชกรุ๊ป​ได้ตอกย้ำ​ความมุ่งมั่นที่มีต่อประ​เทศ​ไทย ด้วย​การร่วมมือกับบริษัท อิน​โฟ​เควสท์ จำกัด ​ใน​การ​เสนอบริ​การข้อมูลข่าวสารทางด้านหุ้น ​การ​เงิน ​และธุรกิจ ​เพื่อ​เพิ่มศักยภาพทาง​การ​แข่งขัน ​ให้​โบรก​เกอร์หลักทรัพย์​และสถาบัน​การ​เงิน​ในประ​เทศ​ไทย​ได้มี​เครื่อง มือประกอบ​การตัดสิน​ใจลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าบริ​การอื่นๆ ​ในราคาที่ถูกกว่าอย่างมาก ​ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุน​การดำ​เนินงาน​ให้​แก่​โบรก​เกอร์​และสถาบัน​การ​ เงินอย่างมีนัยสำคัญ ​โดยซอฟต์​แวร์ Aspen ที่ร่วมมือกับอิน​โฟ​เควสท์นี้ ​เป็น​การต่อยอดจาก​โปร​แกรม Apex ​โดย บริษัท ​ไทย​เควสท์ จำกัด (​ซึ่ง​เป็นบริษัท​ในกลุ่ม​เดียวกันกับอิน​โฟ​เควสท์) ​เป็น​ผู้พัฒนา​ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่า​เดิม

​เกี่ยวกับบริษัท อิน​โฟ​เควสท์ จำกัด

บริษัท อิน​โฟ​เควสท์ จำกัด ​เป็นสำนักข่าว​และ​ผู้​ให้บริ​การข้อมูลข่าวสารชั้นนำ​ในประ​เทศ​ไทย ​เริ่มดำ​เนิน​การ​ให้บริ​การข้อมูลข่าวสารออน​ไลน์​เมื่อปี พ.ศ. 2543 ​โดยนายชาลทอง ปัทมพงศ์ ​ผู้ก่อตั้ง บริษัท บิสนิวส์ จำกัด (มหาชน) ​ในอดีต ​และ​ได้บริหารบิสนิวส์มาตั้ง​แต่ก่อตั้ง​เมื่อ พ.ศ. 2526 จนประสพ​ความสำ​เร็จอย่างสูง ​ทำ​ให้บิสนิวส์​เป็นบริษัท​เอกชน​ไทย​ผู้​ให้บริ​การข้อมูลข่าวสาร​แบบ​เรี ยล​ไทม์ออน​ไลน์ราย​แรก​และ​เป็นราย​ใหญ่ที่สุด​ในประ​เทศก่อนที่จะขายกิจ​ การบิสนิวส์​ไป​ให้รอย​เตอร์​เมื่อ พ.ศ. 2540

ปัจจุบัน อิน​โฟ​เควสท์มีพนักงานกว่า 200 คน ​โดยมี​ผู้บริหาร​และพนักงานที่มีประสบ​การณ์​ในธุรกิจข้อมูลข่าวสารออน​ ไลน์มายาวนานกว่า 28 ปี มีทีมบรรณาธิ​การข่าว​และทีมพัฒนาข้อมูล​เป็นของตน​เอง ทีมงานมีประสบ​การณ์​ใน​การ​ทำงานที่บิสนิวส์​และรอย​เตอร์ อิน​โฟ​เควสท์ผลิตข่าว​แบบ​เรียล​ไทม์ออน​ไลน์ ครอบคลุมหมวดข่าว​เศรษฐกิจ หุ้น​และ​การ​เงิน ตลอดจนข่าว​การ​เมือง​และข่าวทั่ว​ไปที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น​และ​การ​เงิน ​และข้อมูลอื่นๆ

นอก​เหนือ​ไปจาก​การผลิตข่าวด้วยตน​เอง​แล้ว อิน​โฟ​เควสท์ยัง​ได้รวบรวมข้อมูลข่าวสารจาก​แหล่งต่างๆ กว่า 300 ​แหล่ง จัดข่าวสารข้อมูล​เหล่านั้น​เป็น​แพ็ค​เกจ​เพื่อนำ​เสนอ​เป็นบริ​การที่หลาก หลาย ​ได้​แก่ บริ​การศูนย์รวมข่าวสารชื่อ นิวส์​เซ็น​เตอร์ (NEWSCenter) บริ​การคลิปปิ้งข่าวออน​ไลน์ ชื่อ ​ไอคิวนิวส์คลิป (iQNewsClip) บริ​การผ่านทางมือถือ ​ได้​แก่ บริ​การ iQStock (WAP) ​และบริ​การ iQStockAlert (SMS) ​และบริ​การข้อมูลข่าวสารผ่านทาง​เว็บ​ไซต์ ​ได้​แก่ http://www.ryt9.com ​และ http://www.thaipr.net​โดยอิน​โฟ​เควสท์ยังมีบริ​การ iQMediaLink ​ซึ่ง​เป็นบริ​การ​เผย​แพร่ข่าวประชาสัมพันธ์​ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่ว​โลกอีกด้วย

ข้อมูล​เพิ่ม​เติม

กรุณาติดต่อ คุณพรลดา (หน่อย)
​โทร. 02-2535000 ต่อ 318

สวทช. เสริมเขี้ยวลับคม SME

กาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างไม่มีวัน หยุดหรือถอยหลังกลับ เปรียบได้กับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมิอาจปล่อยให้คลาดสายตา โดยเฉพาะในโลกธุรกิจ การแข่งขันที่นับวันยิ่งดุเดือดกันมากขึ้น ความแตกต่างและโดดเด่นจึงเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการไขสู่ประตูแห่งความสำเร็

คง ทราบกันดีว่า SME นั้นถือเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่สำคัญของประเทศ ฉะนั้นภาพการเติบโตของ SME จึงถือเป็นหลักสำคัญของประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีย่อมต้องเข้ามามีบทบาท เพื่อช่วยเสริมเขี้ยวลับคมให้ SME สามารถแข่งขันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อ กล่าวถึงเทคโนโลยี หากนึกถึงองค์กรซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมอาวุธให้กับ SME นั้น ย่อมต้องมีชื่อของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ ที่เรียกกันคุ้นหูว่า ‘สวทช.’ นั่นเอง

สวทช.เข้าไป มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME อย่างไรนั้น ‘สุวิภา วรรณสาธพ’ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว สวทช.เข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ด้วยการเพิ่มมิติของการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปช่วย SME ไทยแก้ปัญหาการผลิต การเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ รวมถึงการสร้างความต่างด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมในตัวสินค้าเองในกระบวนการผลิต หรือการขยายช่องการจัดจำหน่ายและการตลาดรูป แบบใหม่ๆ

โดยที่ ผ่านมาได้ดำเนินงานผ่านการทำงานร่วมกันของศูนย์ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC), ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC), ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) และศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ซึ่งจะเป็นกลไกสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME เติบโตและเข้มแข็งขึ้นได้

ใน ส่วนบริการที่ผู้ประกอบการ SME สามารถมาขอใช้บริการจาก สวทช.ได้นั้น อาทิ บริการวิเคราะห์ทดสอบ การฝึกอบรมและคำปรึกษาด้านเทคโนโลยี การรับจ้างวิจัยและการร่วมวิจัย สำหรับ SME ที่ต้องการจะพัฒนาต่อยอดหรือเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของตนเอง ขณะเดียวกันหากผู้ประกอบการมีความสนใจในธุรกิจใหม่ๆ หรืออยากจะขยายไลน์ธุรกิจ ก็สามารถมาขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ ซึ่งจุดประสงค์หลักของสวทช.นั้นต้องการจะถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้พัฒนาขึ้น มา เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย โดย สวทช. มุ่งเน้นทำงานร่วมกับพันธมิตร และใช้ความเก่งของภาคเอกชนด้านธุรกิจและการตลาดมาร่วมกันต่อยอดสู่ธุรกิจที่ ประสบความสำเร็จ

นอกจาก นี้ บริการของสวทช.ยังมีในส่วนของมาตรการส่งเสริมต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญในการนำงานวิจัยมาพัฒนาธุรกิจ เช่น เอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยและพัฒนาไปหักลด หย่อนภาษีได้ถึง 200 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกันนี้ สวทช.ยังมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไว้สนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ SME ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีอีกด้วย

“เรา ยังมีอีกหนึ่งบริการที่ SME น่าจะมาใช้ประโยชน์มากๆ คือ สวทช.มีศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการทางด้านธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งตั้งจะอยู่ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย หากเป็นผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ จะมีศูนย์บ่มเพาะอยู่ที่ซอฟต์แวร์พาร์ค ผู้ที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจสามารถเข้ามาอยู่ที่ศูนย์บ่มเพาะของเราได้ โดยจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในเวลา 1 ปีที่อยู่กับเราสำหรับกลุ่มซอฟต์แวร์ ส่วนฝั่งธุรกิจเทคโนโลยี จะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย และในกระบวนการบ่มเพาะ จะมีหลักสูตรการฝึกอบรมด้านทักษะธุรกิจ มีที่ปรึกษา และพี่เลี้ยงที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจมาแล้ว มีการพาไปออกตลาด เช่น การพาผู้ประกอบการไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ”

ปัจจุบัน ยังมีผู้ประกอบการ SME จำนวนมากที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ สวทช.จึงต้องพยายามทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในการดำเนินงาน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวทช.กล่าวว่า ได้มุ่งเป้าไปที่ การวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใน 5 คลัสเตอร์หลัก ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม กลุ่มสุขภาพและการแพทย์ กลุ่มการผลิตและบริการ และสุดท้ายกลุ่มชุมชนและผู้ด้อยโอกาส เนื่องจากเป้าหมายของสวทช.นั้น นอกจากจะเน้นไปที่เรื่องของเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับชุมชนและสังคมควบคู่ไปด้วย

อย่างไร ก็ดี หนึ่งในกิจกรรมเชิงรุกที่ทางสวทช.ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน SME Thailand Expo 2011 โดยกิจกรรมที่จะนำมาจัดแสดงในงานดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน

ส่วน แรก คือ การนำเสนอผลงานวิจัยของสวทช.ที่พร้อมสำหรับการถ่ายทอด โดยสวทช.จะคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับการไปใช้งานสำหรับผู้ประกอบการ SME เพื่อให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริงๆ และเน้นเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ปัญหา หรือสามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้

ใน ส่วนที่สองจะเป็นการนำเอาผลงานของผู้ประกอบการ SME ที่อยู่ภายใต้ศูนย์บ่มเพาะของสวทช.มานำเสนอ เพราะนอกจากจะช่วยสนับสนุนด้านการตลาดแก่ผู้ประกอบการแล้ว คนเหล่านี้ยังสามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้เห็นถึงโอกาสของการสร้างธุรกิจ โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการบ่มเพาะจากหน่วยงาน สวทช.

ใน ตอนท้ายนี้ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวทช. กล่าวด้วยว่า อยากให้ผู้ประกอบการ SME ได้รู้จักกับ สวทช.ให้มากขึ้น หรือหากสนใจผลงานวิจัยของสวทช.ก็สามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษาที่บูธในงาน SME Thailand Expo 2011 ในวันที่ 22-25 กันยายน 2554 ที่ อิมแพค อารีนา เมืองทองธานีได้ แต่หากไปแล้วยังมีเรื่องที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถขอรับบริการ ได้ที่ สวทช. ทั้งที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์ ถนนโยธี อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และอาคารซอฟต์แวร์พาร์ค หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่ 02-564-7000

จาก ข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ได้เล่าให้ฟังนั้น เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นที่ SME มิอาจปล่อยเลยผ่านได้ หากมัวแต่คิดว่า ‘แค่นี้ก็พอใจแล้ว’ นั่นคงไม่ต่างอะไรกับการขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะคู่แข่งแซงหน้าไปไกลสุดกู่ แต่ตัวเองกลับจมปลักย่ำอยู่กับที่

สุดท้ายแล้วจุดจบจะเป็นเยี่ยงไรนั้น คงเดาได้ไม่ยากเย็นเลย

source: SMEThailand

Taiwan Promotes Green Life Through Lighting Innovation

Through decades of transformation and upgrading, Taiwan’s lighting industry has earned global recognition not only for its industrial technology, but also for its product innovation.

Taiwan’s lighting products, which incorporate creative and artistic design in addition to skilled manufacturing technologies, have won international awards annually in recent years. To encourage companies to be dedicated to product design, the organizers of this year’s Taiwan International Lighting Show (TILS), the Taiwan External Trade Development Council (TAITRA) and the Taiwan Lighting Fixture Export Association (TLFEA), worked out an “Innovative Product Award” contest for the first time. The response from lighting suppliers has been enthusiastic.

Of 87 entries from 50 companies, 10 items entered the final competition and three were selected as the final award winners: The “LED Glass Brick” by Lei Yueh Enterprise Co., “3D LED Crystal Cube” by Ledgend Technology Inc., and “’ALBERO’ LED Floor Lamp” by Darfon Lighting Corp.

“Now, Taiwan’s lighting companies are very active in joining various product design competitions,” commented Y.C. Chao, president and CEO of TAITRA. “This implies that they are very confident of their products.” Chao noted that some products which failed to win the “Innovative Product Award” went on to win other competitions; indeed, he said, he considered every entry in the contest a creative masterpiece.
“Lighting is one of the strategic industries that the government has pinpointed for development as a major locomotive force for Taiwan’s economic growth in the 21st century,” said Jerry Ou, director general of the Bureau of Energy under the Ministry of Economic Affairs (MOEA).

Ou, who presented the awards on behalf of the MOEA, made his remarks at the awards ceremony held on the opening day of TILS, which ran May 18-21. “All of the entries are innovative in many ways, so the contest is extremely hard to judge,” he said. The three winning products, along with the other seven finalists, were displayed at the TILS “Innovative Product Pavilion.”

LED Glass Brick─Lei Yueh Enterprise Co.
The LED Glass Brick developed by Lei Yueh Enterprise is a combination of LED lighting and glass construction material. The company uses LED technology to give its glass bricks a colorful lighting effect, making them especially suited to construction projects with a special emphasis on wall decoration or public lighting. “The colorful lighting emanating from the walls can make a building feel like a crystal palace,” said Ethan Lin, the company’s marketing manager.

The LED Glass Brick from Lei Yueh Enterprise is a combination of LED lighting and glass construction material.

Applied along the Love River in Kaohsiung, the LED Glass Brick provides a wondrous atmosphere that is also fitted to five-star hotels and other public places. A further advantage is that the LED bulbs used in the glass bricks are energy-efficient and have a long life span.

Lin believes that the ambiance generated by the LED Glass Brick is so unique that no other lighting product can compete with it, with colors that change automatically to present a colorful world. “The LED Glass Bricks made with embedded IC chips allow users to adjust the ways the color of the lighting changes,” he stressed.

Lei Yueh has been dedicated to lighting design and production for over three decades since its establishment in 1976, and is now a specialized company for lighting production, design, and marketing.

3D LED Crystal Cube ─ Ledgend Technology Inc.
The 3D LED Crystal Cube made by Ledgend Technology is a transparent box embedded with numerous LED bulbs that present changing visual effects in different shapes. “What is presented inside the box can be pictures, logos, abstract images, or simple text messages, and all of them can be customized to fit the special demands of different users,” said a company official. Ledgend is promoting its 3D LED Crystal Cube a brand-new advertising medium.

The 3D LED Crystal Cube developed by Ledgend Technology produces changing visual effects in different shapes.

According to the company, the built-in chip system that controls the LED light bulbs enables the box to present messages in three languages: Chinese, English, and Japanese. The cube can be made in any shape or size based on customers’ requirements. “It could be as small as a jewel display box,” commented the official, “or as large as a pillar reaching from floor to ceiling.”

The LED bulbs can be used in both cold and hot environments ranging in temperature from minus 10 to plus 40 degrees Celsius. The life expectancy of the LED bulbs is about 5 million hours.

Ledgend Technology was established in 2008 as an LED lighting designer and manufacturer. The name is a combination of LED and Legend, implying that the company creates legendary applications of LED lighting products through creative design.

“ALBERO” LED Floor Lamp ─ Darfon Lighting Corp.
The “ALBERO” LED Floor Lamp from Darfon Lighting Corp. comes in the shape of a tree, bringing the abstract concept of natural plant life into the home. According to the company, “ALBERO” is the Italian word for “tree.” A unique feature of the “ALBERO” floor lamp is that its branches incorporate multiprocessors which calculate the energy needs of each branch according to its height and angle.

The “ALBERO” LED Floor Lamp by Darfon Lighting Corp. takes the shape of a natural tree.

As a subsidiary of the Darfon Electronics Corp., Darfon Lighting focuses on making lighting products using new-generation energy-saving lighting sources. “Since its establishment,” commented Andy Su, president of Darfon Electronics and chairman of Darfon Lighting, “the company has earned various international and domestic lighting awards for its innovative lighting products such as the CALLA LED Desk Lamp, CALLA PLUS Floor Lamp, and ALBERO LED Floor Lamp.” The ALBERO can be extended to 190 cm in height and has a minimum illumination of 600 lux.

Dimmable LED Street Lamp without Adaptor ─ Justenergy Technology Corp.
Justenergy Technology Corp., which was established under Advanced Connectek Inc. only in March, had two products that reached the finals of the “Innovative Product Award” contest. Though it failed to win an award this time, its parent Advanced Connectek has won several prestigious awards including the iF Gold in Germany, IDEA in the U.S., Taiwan Excellence. The Dimmable LED Street Lamp without Adaptor is able to operate without a transformer and saves cost by using power efficiently.

The Dimmable LED Street Lamp from Justenergy Technology operates without a transformer and efficiently uses power to save cost.

The LED bulb used in the street lamp can withstand temperatures as low as minus 40 degrees Celsius and as high as plus 100 degrees. The bulb is highly efficient, light, and compact, and has a life span of 20,000 hours. The company’s Dimmable HV LED Pendant Lamp has features similar to those of the Dimmable LED Street Lamp without Adaptor, but is designed mainly to be used indoors.

(by Michelle Hsu)